วันที่นำเข้าข้อมูล 24 มี.ค. 2565
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 มี.ค. 2565
ศักยภาพและโอกาสในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
จีนเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศมหาศาล ซึ่งหากเราเจาะลึกลงไปท่านผู้อ่านทราบหรือไม่คะว่า ประเทศจีนมีเขตเศรษฐกิจแห่งหนึ่งที่มีขนาด GDP คิดเป็น ๑ ใน ๔ ของมูลค่ารวมทั้งประเทศเลยทีเดียว และนั้นก็คือ เขตเศรษฐกิจ Yangtze River Delta (YRD) หรือ เขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี นั้นเองค่ะ โดยคุณลดา ภู่มาศ กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ จะมาขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจถึงศักยภาพและโอกาสของไทยในเขตเศรษฐกิจนี้กันค่ะ (รับฟังเพิ่มเติมผ่าน FM 88 MHz สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย)
เขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี ซึ่งประกอบด้วย นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลอานฮุยมีขนาดพื้นที่รวมกันเพียงประมาณร้อยละ ๔ ของประเทศจีน แต่กลับมีจำนวนประชากรถึง ๓๔๐ ล้านคน และมีขนาด GDP เทียบเท่า ๑ ใน ๔ ของทั้งประเทศจีน กล่าวได้ว่ามูลค่าทางการค้าระหว่างประเทศของจีนประมาณร้อยละ ๓๗ เกิดขึ้นในเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี และเมื่อไม่นานนี้ ช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๔ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๓๒.๙ คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๑ ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในประเทศจีน โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP per Capita) ของนครเซี่ยงไฮ้ (ในมณฑลเจ้อเจียง) ติดอันดับสูงสุดในประเทศ ถือเป็นเมืองเดียวในจีนที่มีมูลค่า GDP รวมมากกว่า ๒ ล้านล้านหยวน ในขณะที่กรุงปักกิ่งรั้งอันดับ ๒ ด้วยมูลค่า GDP ๑.๙ ล้านล้านหยวน-สถิติเหล่านี้ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี
...มีกลุ่มนักลงทุนจำนวนมากจากเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซีที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย ซึ่งรวมถึงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน จังหวัดระยอง และการลงทุนของ SAIC Motor หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งได้ร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำของประเทศไทยลงทุนด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและยานยนต์เพื่ออุตสาหกรรมในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีบริษัท ZTE, Huawei และ Alibaba ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย ในขณะที่ไทยเองก็ได้มีการส่งออกสินค้าของไทยหลายประเภทไปสู่เขตเศรษฐกิจแห่งนี้ ได้แก่ เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ วงจรรวม พลาสติก และผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนเกรดพรีเมียม ซึ่งสินค้าทั้งหมดนี้สร้างรายได้ให้กับธุรกิจภาคการเกษตรของไทยและภาคการลงทุนอย่างมาก
รัฐบาลไทยตระหนักถึงศักยภาพของเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซีเป็นอย่างดี จึงได้ก่อตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อปี ๒๕๔๐ โดยมีอาณาเขตครอบคลุมเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี และได้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและกลยุทธ์ของเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซีมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ยังคำนึงว่า soft power หรืออำนาจละมุน จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับสากล จึงดำเนินการผลักดันมวยไทย การนวดไทย และสปาไทย ให้เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น สถานกงสุลใหญ่ฯ มีเป้าหมายในการสานต่อเรื่องราวความสำเร็จของความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจในเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี เพื่อผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นในอนาคต รวมถึงส่งเสริมความเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย และผู้คนท้องถิ่นในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อผนึกพลัง ประสานความต่างทางยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาของทั้งสองประเทศในการสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี
Monday - Friday : 09.30 - 12.00 and 13.30 - 17.30