ดอน ปรมัตถ์วินัย กับภาพแห่งความทรงจำ เรื่องเล่าสัมพันธ์ไทย - จีน

ดอน ปรมัตถ์วินัย กับภาพแห่งความทรงจำ เรื่องเล่าสัมพันธ์ไทย - จีน

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ต.ค. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,589 view

 

01

          中国国庆节前夕,泰国副总理兼外长敦以其40余年参与泰中关系发展的亲身经历,畅谈对泰中关系的看法,高度赞扬中国发生的巨变。日前,泰国最大的报纸《民意报》刊发了对敦的采访,现翻译整编如下:

          หมายเหตุ “มติชน” – ใกล้ถึงวันที่ 1 ตุลาคม ที่ถือเป็นวันชาติจีน จึงถือโอกาสคุยกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนไทยในวันที่เดินทางไปเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่กับจีน ที่ถูกบันทึกไว้ในภาพประวัติศาสตร์เมื่อปี 2518 และยังเป็นอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน ซึ่งยังคงรับหน้าที่สำคัญในการดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยมาจนถึงปัจจุบัน
          1975年,泰国前总理克立·巴莫赴华,在北京人民大会堂开启泰国同中国建交进程,出席了邓小平举行的欢迎宴会。1975年外交领域至少发生了两件我们知道的重要事件,除了同中国建交外,就是越战结束、美国撤军。
          ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเปิดความสัมพันธ์กับจีนที่ศาลามหาประชาคมก่อนมีงานเลี้ยงโดย นายเติ้ง เสี่ยวผิง เป็นเจ้าภาพเพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอีกครั้งหนึ่งในปี 2518 ปีนั้นเป็นปีที่มีความสำคัญในด้านการต่างประเทศอย่างน้อย 2 เรื่องที่เรารับรู้กัน นอกเหนือจากเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ก็เป็นปีเดียวกับที่สงครามเวียดนามยุติ สหรัฐอเมริกาได้ถอนทหารออกไป 
02

          这是一张具有历史意义的照片。泰方除克立·巴莫总理外,还有时任外长差猜·春哈旺、外交部次长阿南·班雅拉春、国安院秘书长西提·沙卫西拉。当时德·汶纳是处长。我是二秘,在代表团里最年轻,担任秘书联络工作。

          ภาพนี้เป็นภาพประวัติศาสตร์ ผู้ใหญ่ฝั่งไทยนอกจาก ม.ร.ว. คึกฤทธิ์แล้วยังมี พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อ. สิทธิ เศวตศิลา เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นต้น หัวหน้ากองในตอนนั้นคือคุณเตช บุนนาค ส่วนผมเป็นเลขานุการโท และเป็นนักการทูตที่เด็กที่สุดที่ไปทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะ

          我和礼宾司长及东亚司工作人员先期赴华准备,去了北京、上海、广州和昆明。那是我第二次赴华,几个月前,我刚陪同泰国国家羽毛球队从北京转机赴平壤。那时候去北京只能借道香港,然后坐火车到广州,再乘飞机赴北京。

          ผมต้องไปเตรียมการเป็นคณะล่วงหน้ากับท่านอธิบดีกรมพิธีการทูตและเจ้าหน้าที่จากกรมเอเชียตะวันออก เราไปกัน 4 เมืองคือปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และคุนหมิง แต่การไปครั้งนั้นถือเป็นการไปจีนครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้านั้นหลายเดือน ผมเพิ่งไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่งเพื่อไปยังกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือร่วมกับคณะนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติ สมัยนั้นการไปปักกิ่งมีวิธีเดียวคือต้องไปฮ่องกง จากนั้นก็นั่งรถไฟไปกว่างโจวแล้วต่อเครื่องบินไปปักกิ่ง
          克立·巴莫总理访华开启了泰中关系新篇章。建交后泰国首任驻华大使是格森亲王,这意义非同寻常,因为当时外交部最能干的人除阿南次长外就是格森亲王,这一决定为两国关系打下了良好基础。中国驻泰首任大使是柴泽民,十分资深,当过多国大使,在泰国任满后赴美出任大使。
          การเดินทางไปจีนของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย  - จีน เอกอัครราชทูตไทยคนแรกหลังเปิดความสัมพันธ์คือ ม.ร.ว. เกษมสโมสร เกษมศรี ซึ่งมีความหมายมาก เพราะคนที่ถือเป็นคนเก่งของกระทรวงการต่างประเทศยุคนั้นนอกจากคุณอานันท์ก็คือ ม.ร.ว. เกษมสโมสร จึงถือเป็นการวางรากฐานของความสัมพันธ์ที่ดี ส่วนเอกอัครราชทูตจีนประจำไทยคนแรกคือ นายไฉ เจ๋อหมิน ก็เป็นผู้อาวุโสมาก เคยเป็นทูตมาแล้วหลายประเทศ หลังจากไทยท่านก็ไปเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกา
          中国驻泰大使馆最早时租用威素格萨路附近大楼办公,而中方向泰方提供的官邸和使馆用地在光华路,后来官邸搬到使馆对面。此地位置优越,离中国外交部很近,距中南海、故宫和天安门也不远,附近有美国、英国、越南、罗马尼亚、波兰和日本驻华使馆。
          ครั้งแรกสถานเอกอัครราชทูตจีนในไทยเช่าอาคารแถว ถ. วิสุทธิกษัตริย์ ขณะที่รัฐบาลจีนได้จัดสรรที่ ถ. กวางฮว๋า ให้ใช้เป็นที่ตั้งทำเนียบและที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต จนระยะหลังมีการเปลี่ยนแปลงเป็นที่ทำการสถานทูตอยู่ตรงข้ามกับทำเนียบเอกอัครราชทูตบนถนนเส้นเดียวกัน ซึ่งอยู่ในจุดที่มีความสำคัญ ไม่ห่างจากกระทรวงการต่างประเทศจีนในแง่การติดต่องาน และไม่ห่างจากจงหนานไห่สำนักนายกรัฐมนตรีจีน พระราชวังโบราณและจตุรัสเทียนอันเหมิน คืออยู่ในจุดที่ดีที่สุดและถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ ใกล้กันก็มีสถานทูตสหรัฐฯ อังกฤษ เวียดนาม โรมาเนีย โปแลนด์ และญี่ปุ่น เป็นต้น
          2000年诗丽吉王后访华时,我发现我们使馆陈旧了很多。出任驻华大使后,我委托公使开始挑选新馆舍,花了很长时间。我们运气很好,不然就得搬到远的地方去。泰国驻华使馆所在地是黄金地段,安全、安静、交通便利。
          เมื่อปี 2543 ที่สมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จเยือนจีน ผมได้เห็นสถานทูตของเราที่นั่นก็รู้สึกว่าทรุดโทรมไปเยอะจากนั้นตอนผมไปเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนก็มอบหมายให้อัครราชทูตรับหน้าที่จัดหาสถานที่ใหม่ แต่เรื่องนี้ใช้เวลานานมาก ถือว่าเราได้โชคช่วยไม่อย่างนั้นก็คงต้องออกไปอยู่ในจุดที่ไกลออกไป เพราะจุดที่สถานทูตไทยตั้งอยู่เป็นที่ทอง ปลอดภัย สงบ และเดินทางสะดวก
          2001年至2004年在华工作期间,我对中国有了广泛深入的了解,做了不少工作,也有一些东盟层面的事。首先是推动东盟国家驻华大使加强联系,各国轮流做东,请中方(外交部)领导每月同我们交流,最终促成2003年温家宝总理赴泰出席中国-东盟领导人关于“非典”问题特别会议这一历史性事件。
          ช่วงที่ประจำการอยู่ที่จีนในปี 2544 - 2547  เป็นช่วงที่ทำให้มีโอกาสรู้จักเมืองจีนอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ผมได้ไปเริ่มต้นหลายเรื่องและทำอีก 2 - 3 อย่างในมุมอาเซียน เรื่องแรกคือได้ไปตั้งการรวมตัวของทูตอาเซียนให้มีขึ้นเป็นประจำ เชิญผู้ใหญ่จีนมาคุยกับพวกเราทุกเดือน โดยประเทศอาเซียนจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเชิญนายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางเยือนไทยเพื่อประชุมร่วมกับผู้นำอาเซียนเรื่องการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (โรคซาร์ส) ในปี 2546
          我对同东盟国家驻华大使交流的中方(外交部)领导说,温家宝总理出席中国-东盟领导人会议,可让全世界了解中方如何应对“非典”。
          ผมได้หยิบยกการเชิญดังกล่าวขึ้นมาคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายจีนที่มาคุยกับทูตอาเซียนว่า หากท่านเหวิน เจีย เป่า ไปร่วมประชุมกับผู้นำอาเซียน ก็จะเป็นโอกาสดีที่โลกจะได้รับรู้ว่าจีนดูแลเรื่องโรคซาร์สในประเทศอย่างไร นั่นเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากที่ท่านขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ ทั้งที่ปกติการเยือนของผู้นำจีนจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
          这件事说明,外交方面有合理想法就不要犹豫。我担任驻瑞士大使时运用这个方法,成功促成泰国总理川·立派在亚洲金融危机期间出席达沃斯论坛并发表讲话,此前论坛已邀请德国总理科尔为主要发言人。外交有很多方面,我们在商谈时要始终着眼解决办法和替代方案。
          เรื่องนี้เป็นการสอนเรื่องการต่างประเทศให้ผมว่าถ้าเราคิดอะไรแล้วมันมีเหตุมีผล อย่าปากหนัก อีกครั้งที่ผมนำวิธีนี้ไปใช้ก็ตอนที่เป็นเอกอัครราชทูตอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และทำให้ คุณชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ได้ไปพูดตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่ดาวอส ซึ่งตอนนั้นเขามีผู้บรรยายหลักอยู่แล้วคือ เฮลมุท โคห์ล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี การทูตมีหลายทาง เราต้องคิดถึงทางออกและทางเลือกตลอดเวลาในการหารือ
          后来我们更多地邀请东盟国家驻华大使结伴前往中国其他省市考察,而不是分别前往,这为我们东盟伙伴更多了解中国各地创造了机会,接待方也更愿意同时接待多个东盟国家驻华大使。
          ประการต่อมา แทนที่เราจะออกไปมณฑลอื่นของจีนเพียงลำพัง เราจะเชิญทูตอาเซียนให้เดินทางไปร่วมกันหลายประเทศ ทำให้เพื่อนอาเซียนเห็นช่องทางที่จะไปรู้จักมณฑลอื่น ๆ ของจีนเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้รับก็พร้อมจะเจอทูตอาเซียนหลายคนพร้อมกันมากกว่าจะเจอเดี่ยว ๆ

          在中国的工作很有意思也很有意义,我了解到中国人如何工作,了解到中国如何发展。众所周知中国是文明古国,经历过许多风雨和斗争,战胜西方侵略,实现国家独立,朋友遍天下。

          ช่วงที่ประจำการอยู่ในจีน การทำงานสนุกและมีความหมาย ได้เรียนรู้และรู้จักจีนว่าเขาทำงานกันอย่างไร และการพัฒนาประเทศของจีนเป็นอย่างไร เป็นที่รับรู้กันอยู่ว่าจีนเป็นอารยธรรมโบราณ ผ่านร้อนผ่านหนาวและการต่อสู้มามาก และต้องฟันฝ่าเป็นเอกราชจากการยึดครองโดยโลกตะวันตก มีการต่อสู้กันภายในจนมาถึงจุดที่เปิดตัวเองได้ว่ามีเพื่อนอยู่รอบโลก

          中国既生产普通商品,比如泰国能看到的每件20铢的商品,也有高质量商品,不断开发升级,就如同日本等国在做的一样,并不是仅仅仿制。

          จีนผลิตของตั้งแต่ที่อยู่ในระดับธรรมดา อย่างของชิ้นละ 20 บาทที่เห็นในไทย เขาผลิตเพื่อให้คนทั่วไปในสังคมซื้อหามาใช้ได้ แต่คนที่ซื้อจะคิดว่านี่คือมาตรฐานสินค้าจีนซึ่งมันไม่ใช่ เพราะแต่ของดีมีคุณภาพจีนก็มีเช่นกัน เขาพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปด้วยเหมือนที่ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศก็ทำกัน ไม่ใช่ว่าก็อปปี้อย่างเดียว

          让人留下深刻印象的是,中国商品开发速度很快、价格实惠,两三年就更新换代。此外,中国也赴美国等地投资,使用当地标准打造自身品牌。

          ที่น่าทึ่งคือเวลาเขาผลิตสินค้า เขาพัฒนาสินค้าไปได้เร็วมากและราคาถูกกว่า ของที่เคยคิดว่าจะขายได้ผ่านไปแค่ 2-3 ปีก็ขายในจีนไม่ได้แล้ว นอกจากนี้จีนยังใช้วิธีไปลงทุนในต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ เพื่อทำแบรนด์สินค้าโดยใช้มาตรฐานของประเทศที่เขาเข้าไปลงทุนได้เลย

          中国取得发展,因为能够处理好各类情况。中国人灵活主动,不在原地踏步,善于探索解决问题的新视角。这是好事,所以中国实现如此大的发展并不令人意外。中国商品价格合理、销路好,各个国家都是中国商品的销售市场。现在中国电动汽车也发展得很好。

          การที่จีนพัฒนาได้เพราะเขามีวิธีจัดการกับเรื่องต่าง ๆ คนของเขาปราดเปรื่องและไม่หยุดนิ่ง หามุมมองใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายและเจตนารมย์ของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จึงไม่แปลกใจที่ทำไมจีนถึงพัฒนาไปได้ขนาดนี้ และเข้าใจที่ของจากจีนขายได้มาก เพราะทุกประเทศกลายเป็นช่องทางระบายสินค้าของจีนได้ทั้งหมด เขาทำให้สินค้าทุกอย่างมีราคาที่สามารถจับต้องได้ อย่างรถพลังงานไฟฟ้า (อีวี) จีนก็พัฒนาไปได้ไกลมาก
          我在西方长大,从东方得到经验,形成很多比较视角。第一次看到的中国和今天的中国截然不同,过去没有、今后也不会有哪个国家能像中国一样,在不到40年时间里发生翻天覆地的变化。中国成为世界第二大经济体,没有哪个国家能实现这样的发展成就。
          ผมโตมาในเมืองตะวันตกแต่ได้ประสบการณ์ในโลกตะวันออก ทำให้เห็นมุมเปรียบเทียบเยอะ จีนวันแรกที่เห็นกับวันนี้มันคนละเรื่องกัน ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์อย่างนี้และคงไม่ได้เห็นอีกแล้วที่ประเทศไหนจะเปลี่ยนแปลงได้มหาศาลขนาดนี้ในเวลาไม่ถึง 40 ปี จากปีที่ไปลงนามฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมาถึงวันนี้ จีนขึ้นมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ไม่มีประเทศไหนที่สามารถทำได้อีกแล้ว

          积极向上是中华民族的特性,推动中国人民实现自己的目标,这是长期积累孕育所成。中国发生的变化毋庸置疑是一大奇迹,不仅要从物质方面来看待,更要看到中国各方面发展付出的努力。中国的发展可以同全世界人民分享的启示是,和平共处和追求安宁幸福。每个人对幸福的定义不同,但相同的是远离疾苦、心想事成、身体健康,这些都是幸福。

          ความกระตือรือร้นเป็นลักษณะนิสัยประจำชาติ สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ไปถึงเป้าหมายของเขา ซึ่งมาจากการบ่มเพาะปลูกฝัง แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในจีนเป็นเรื่องมหัศจรรย์ แต่ผมไม่ได้มองในแง่วัตถุเพียงอย่างเดียว เราอยากจะเห็นว่าในความพยายามและการพัฒนาเรื่องราวต่าง ๆ มันมีสิ่งที่พร้อมจะแบ่งปันกับคนทั่วโลกได้ด้วย เป็นการอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุข นำพาอนาคตของทุกคนให้เดินต่อไปตามเป้าหมายร่วมกันของคนทุกคนก็คือมีความสุข แม้ความสุขจะมีการตีความตามวิธีคิดของแต่ละคน แต่สุดท้ายคือไม่มีความทุกข์ ไม่เดือดร้อนสมหวังในสิ่งต่าง ๆ สุขภาพกายใจสมบูรณ์ไม่ป่วยไข้ ซึ่งก็คือความสุขอย่างหนึ่งทั้งนั้น

          泰国想要的是和每个国家和睦相处,过去现在都是这样。我们想看到各国携手开展建设性合作,不冲突、不对抗,这对世界未来而言最为有利。相信每个人都希望看到中美这样的大国相向而行、共促发展,团结应对自然灾害等风险挑战,携手开辟更加美好的道路。这对全世界而言最为有利。

          สิ่งที่เราต้องการในฐานะประเทศเล็ก ๆ อย่างไทย คือการเป็นเพื่อนบ้านกับทุกประเทศอย่างที่เราเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราอยากเห็นทุกประเทศจับมือกัน ร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่ปะทะหรือประจันหน้ากันซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับโลกและสำหรับอนาคต เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประเทศใหญ่อย่างจีน - สหรัฐฯ หันหน้ามาจรรโลงโลกร่วมกัน ผนึกกำลังกันรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ อย่างภัยธรรมชาติ หรือปัญหาอื่นที่สร้างผลกระทบรุนแรงต่อโลก ผนึกกำลังกันรับมือเพื่อให้เห็นทางออกที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับโลกนี้ ไม่ใช่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น

          新冠肺炎疫情使各国深受重创、亟待复苏。如果世界上或大国之间充满矛盾或对立,这个目标就难以实现。相向而行、彼此怀有善意,将有助于推动各种风险挑战得到妥善解决。

          โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำประเทศต่าง ๆ ได้รับความบอบช้ำ และเราต้องหาทางฟื้นฟูร่วมกัน แต่จะเป็นไปได้ยากหรือทำไม่ได้หากสภาพบนโลกเต็มไปด้วยความขัดแย้งและเป็นปรปักษ์ต่อกันหรือมีความขัดแย้งระหว่างประเทศใหญ่ การส่งเสริมให้หันหน้าเข้าหากัน มีความรู้สึกที่ดีต่อกันจะทำให้สิ่งที่เป็นภัยต่อโลก ได้รับการดูแลและจัดการโดยผู้ที่มีความสามารถที่จะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ได้

          希望各国领导人认识到国家的未来就是人民的未来,在软硬实力之间建立平衡,不一味追求胜出,而是要致力于实现和平安宁。

          หวังว่าผู้นำประเทศต่าง ๆ จะตระหนักว่าอนาคตของชาติอยู่ที่อนาคตของประชาชน ผู้นำประเทศต้องเข้าใจว่าเราต้องมีการผสมผสานระหว่าง Hard Power กับ Soft Power ไม่ต้องเอาชนะคะคาน แต่มุ่งเน้นความสงบสุขเพราะถ้าลงมือกันเมื่อไหร่ทุกอย่างก็พังทลาย